การกินก่อนนอน ทำให้ฝันร้าย จริงหรือไม่ ?

อ่านบทความเพิ่มเติม : kidteung.com

การกินก่อนนอน ทำให้ฝันร้าย จริงหรือไม่ ? เชื่อว่าหลายคนเคยฝันแต่สาเหตุของการฝันก็มีหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งหลายคนอาจเคยได้ยินว่าไม่ควรรับประทานของหวานหรืออาหารเผ็ดก่อนเข้านอนและความเชื่อนี้เป็นจริงหรือไม่

การกินก่อนนอนทำให้ฝันร้ายจริงหรือ ?

การรับประทานอาหารหนักๆ ก่อนที่เราจะเข้านอนนั้นมีผลต่อความฝันในขณะที่เราหลับ เพราะเป็นการรบกวนการนอนและยังส่งผลทำให้เราฝันร้ายได้อีกด้วย

สาเหตุของการกินก่อนนอนทำให้ฝันร้าย

เนืองจากการกินอาหารหนักๆ ก่อนนอนนั้นเป็นการเพิ่มกระบวนการเผาผลาญอาหารและย่อยอาหาร ส่งผลให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นและอาจจะมีเหงื่อออกอีกด้วย และในกระบวนการย่อยอาหารนี่เองที่มีผลทำให้สมองนั้นทำกิจกรรมมากขึ้น ในขณะที่ร่างกายหลับอยู่นั้นก็จะเกิดการรบกวนได้และเมื่อร่างกายทำงานหนักก็จะมีผลทำให้วงจรของการนอนหลับหรือ REM ชื่อเต็มก็คือ rapid eye movement ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว REM ประมาณ 90 นาทีภายหลังการนอนหลับ และช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีการเคลื่อนไหวของลูกตาอย่างรวดเร็วแต่กล้ามเนื้อนนั้นจะไม่มีการไหวตัวและสมองจะมีการตื่นตัวและในช่วงนี้เองที่จะทำให้เกิดการฝันร้ายได้นั้นเอง

อาหารประเภทไหนที่มีผลต่อการนอนหลับ?

จากการศึกษาค้นพบว่าประเภทอาหารที่ก่อนให้เกิดอาการเหล่านี้นั้นก็คืออาหารประเภทอาหารฟาสต์ฟู้ดหรืออาหารเผ็ด ซึ่งเราควรที่จะหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนี้และไม่ควรรับประทานอาหารประเภทนี้ก่อนนอนหลับเพราะอาหารประเภทนี้จะทำให้ย่อยยาก อีกทั้งนักวิทยาศาตร์เชื่อว่าพริกนั้นส่งผลทำให้อุณภูมิในร่างกายนั้นสูงขึ้นทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อที่จะย่อยอาหารเหล่านี้แล้วก็ทำให้บางคนนั้นฝันร้ายหรือหลับไม่สนิทหรือในบางครั้งอาจจะมีการสะดุ้งตื่นตอนกลางคืนได้อีกด้วย

โดยสรุปก็คือไม่ควรรับประทานอาหารหนักๆก่อนที่จะนอนหลับ 3 ชั่วโมงและควรจะลดอาหารที่เผ็ดจัดหรืออาหารประเภทไขมัน เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างชาหรือกาแฟ น้ำอัดลม เป็นต้น เพราะสิ่งที่กล่าวมานั้นจะไปกระตุ้นสมองของเราทำให้ไม่ง่วงนั้นเอง แต่หากรู้สึกหิวตอนกลางคืนจริงๆ แนะนำให้รับประทานนมอุ่นสักแก้วแล้วเข้านอน